นายเวย์น สวอน รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียกล่าวว่า เหตุการณ์ภัยธรรมชาติในออสเตรเลียที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมาจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากที่รัฐบาลได้เพิ่มประมาณการความเสียหายในอุตสาหกรรมถ่านหิน 20%
"มูลค่าความเสียหายมีแนวโน้มพุ่งสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น" สวอนกล่าว "ไม่มีใครสงสัยว่าเม็ดเงินที่สูญเสียไปจากเหตุภัยพิบัติในรัฐควีนสแลนด์และเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลียเมืองช่วงฤดูร้อนนี้จะพุ่งสูงขึ้น"
ความเสียหายในภาคการผลิตถ่านหินอาจมีมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จากที่คาดการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนความเสียหายต่อการเก็บเกี่ยวพืชผลจะมีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และการท่องเที่ยวมีมูลค่าความเสียหายรวม 400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ พายุไซโคลนยาซีที่ถล่มออสเตรเลียเมื่อเดือนก.พ.ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกอ้อยและกล้วย หลังจากที่เกิดเหตุน้ำท่วม 2 เดือนในรัฐควีนสแลนด์ซึ่งคร่าชีวิตประชาชน 36 ราย ทำให้มีการปิดเหมือง และส่งผลต่อพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร โดยรัฐควีนสแลนด์เป็นแหล่งผลิตถ่านหิน 80% ของถ่านหินที่ออสเตรเลียส่งออกไปต่างประเทศ และเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรกว่า 30% ของผลผลิตทั้งหมดในประเทศ
บริษัทเหมืองบางแห่งคาดว่าผลผลิตถ่านหินอาจลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ราว 20 - 30 ล้านตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ภัยธรรมชาติจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลง 0.50% ในรอบปีจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.
นอกจากนี้ เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลียราว 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปีงบประมาณนี้ ซึ่งมีสัดส่วนไม่ถึง 0.25% ของจีดีพี