นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดว่า สถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยในพื้นที่ภาคใต้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ แต่ในส่วนผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย(GDP)ในปีนี้นั้น คงต้องรอการสำรวจความเสียหายทางการเกษตรทั้งหมดก่อน แต่ก็ยอมรับว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ก็ได้ส่งผลกระทบอยู่บ้าง
"คงต้องดูการประเมินความเสียหายทางการเกษตร แต่หยุดชะงักไป 2-3 สัปดาห์ก็มีผลกระทบอยู่บ้าง"นายกฯ กล่าว
ในส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะนี้ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 5 พันบาท/ครัวเรือน คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 3 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านเกษตร โดยใช้หลักเกณฑ์ใกล้เคียงกับอุทกภัยเมื่อครั้งที่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบกลางทั้งหมด เพราะยังมีเงินเหลืออยู่
พร้อมกันนี้ ทาง 3 สถาบันด้านการเงินของรัฐพร้อมจะช่วยอำนวยความสะดวก ทั้งด้านพักหนี้ ชำระหนี้ การให้สินเชื่อ รวมทั้งกระทรวงการคลังจะขยายเวลาการชำระภาษี และมีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ใดที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 5 พันบาทแรกในอุทกภัยปีที่แล้ว หากสามารถดำเนินการพร้อมกันได้ ก็ให้ดำเนินการไปได้เลย
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า ปัญหาอุทกภัยครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางไหลของน้ำ รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ก็ปัจจัยหลักจากปริมาณน้ำที่มากผิดปกติ
สำหรับในเรื่องปัญหาผังเมือง ทางรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าเพื่อปรับผังเมืองเพื่อรองรับปัญหาอุทกภัยต่อไป ซึ่งจากปัญหาอุทกภัยในปีที่แล้ว ได้มีการเริ่มโครงการนำร่องไปบ้างแล้ว เช่น ที่จ.นครราชสีมา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.ลพบุรี