ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่าคณะกรรมการเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และจะเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ไปจนจบโครงการในช่วงกลางปีนี้
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.01% แตะที่ 1.4219 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4218 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.94% แตะที่ 1.6280 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6129 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.98% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.840 เยน จากระดับ 84.020 เยน และดีดตัวขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9251 ฟรังค์ จากระดับ 0.9229 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.36% แตะที่ 1.0327 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0364 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.09% แตะที่ 0.7670 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7677 ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานการประชุมของเฟดระบุว่า คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังคงเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการใช้มาตรการ QE2 จากที่กำหนดไว้ว่าจะให้มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนมิ.ย.นี้
ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลโปรตุเกสลง 1 ขั้นสู่ Baa1 จาก A3 เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง งบประมาณ และแนวโน้มเศรษฐกิจของโปรตุเกส ซึ่งเป็นปัจจัยขัดขวางความพยายามของรัฐบาลในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณที่กำหนดไว้ในโครงการสร้างเสถียรภาพและการขยายตัวในปี 2554-2557 และในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างยั่งยืน
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงหลังจาก ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในรัฐควีนส์แลนด์ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ค่าเงินเยนดิ่งลงหลังจากนายเออิสุเกะ ซากากิบาระ อดีตรมว.คลังญี่ปุ่นในช่วงปี 2540 - 2542 เจ้าของฉายา "มิสเตอร์เยน" คาดการณ์ว่า สกุลเงินเยนจะร่วงลงแตะระดับ 90 เยนต่อดอลลาร์ เนื่องจากเงินทุนต่างชาติไหลออกจากญี่ปุ่น อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าวิกฤตการณ์นิวเคลียร์อาจจะยืดเยื้อยาวนาน
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค. ขยายตัวที่ระดับ 57.3 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 แต่ตัวเลขดังกล่าวขยายตัวในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 59.7 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.พ.