ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน มี.ค.54 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 71.0 ลดลงจาก 72.2 ในเดือน ก.พ.54 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 71.6 และที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 96.6
โดยดัชนีความเชื่อมั่นทั้ง 3 ตัว ปรับลดลงจากเดือน ก.พ.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
สำหรับปัจจัยลบที่มีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมี.ค.นี้ ได้แก่ ความกังวลต่อปัญหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ที่เกรงว่าจะมีผลกระทบมาถึงภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ของไทยที่จะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ยังปรับตัวสูงขึ้น, ความกังวลปัญหาค่าครองชีพ จากราคาสินค้าที่มีแนวโน้มว่าจะแพงขึ้น, ความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต และปัญหาความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก
ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ ราคาผลผลิตทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้นทำให้กำลังซื้อในภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น, รัฐบาลยังคงนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร, ตัวเลขการส่งออกในเดือนมี.ค.ยังเติบโตต่อเนื่อง และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นต้น
ทั้งนี้มองว่า หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้คลี่คลายลง ก็คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/54 และจะอยู่ในช่วงขาขึ้นตลอดไป
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นสถานการณ์ทางการเมืองในเดือน มี.ค.ว่า อยู่ที่ 51.3 ลดลงจากเดือนก.พ. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 52.3 เป็นผลมาจากประชาชนยังไม่เชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเมือง เพราะประชาชนมองว่ายังมีการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองจากกลุ่มต่างๆ และส่วนหนึ่งยังเป็นห่วงอนาคตหลังการเลือกตั้งว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพหรือไม่ ซึ่งเป็นตัวสะท้อนว่าประชาชนห่วงใยในเสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่ได้เป็นตามที่หวังไว้