นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเสวนาหัวข้อเรื่อง "ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ : แรงงานไทยดีจริงหรือ?"ว่า ตัวเลขการปรับขึ้นค่าแรงจะต้องพิจารณา 2 ส่วน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน และการลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจหรือนายจ้าง เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังศึกษารายละเอียดในการลดต้นทุนให้สอดคล้องกับการเพิ่มค่าแรง
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ภายใน 2 ปีนี้ จะต้องขึ้นค่าแรงให้ได้ 25% และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการแทรกแซงคณะกรรมการค่าจ้างกลาง หรือเป็นการทำลายกลไกไตรภาคีที่ต้องให้ตัวแทนลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำร่วมกัน แต่เป็นการที่รัฐบาลมีนโยบายเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ และกรรมการไตรภาคีควรนำปัจจัยดังกล่าวไปพิจารณาด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาค่าครองชีพสูงในขณะนี้ว่า เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญและพยายามแก้ไข ซึ่งถ้าใช้วิธีควบคุมราคาสินค้าอาจจะเกิดปัญหากลไกตลาดตามมา ดังนั้นเมื่อของแพง ค่าจ้างก็ควรเพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการส่งออกสูง ถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศแข็งแรงขึ้น และลดความผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้ดีขึ้น