นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมออกพันธบัตร Inflation-Linked Bond (ILB) รุ่นอายุ 10 ปี วงเงินประมาณ 20,000-40,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.54
กระทรวงการคลังได้คัดเลือกให้ธนาคารฮ่องกงและเซียงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมีธนาคารกรุงไทย(KTB) ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) และธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ที่มีฐานลูกค้าและสาขาทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นผู้แทนจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่จำหน่าย ILB พร้อมทั้งให้ความรู้แก่นักลงทุนในประเทศเป็นหลักและเป็นหน่วยงานในการกระจาย ILB ไปสู่ผู้ออมรายย่อย
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการออก ILB คือ 1.การร่วมมือทางด้านนโยบายระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในการติดตามดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในปี 54 ธปท.คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะขยายตัวสูงถึง 3.4% จึงเป็นโอกาสดีที่กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรที่มีผลตอบแทนแปรผันตามเงินเฟ้อ เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินเฟ้อได้
2.การขยายฐานนักลงทุน โดยการพัฒนาเครื่องมือการลงทุนและบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อ ซึ่งจากผลสำรวจความต้องการลงทุน พบว่ากลุ่มนักลงทุนในประเทศที่มีความต้องการลงทุนใน ILB สูง ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กลุ่มบริษัทประกันชีวิต และธนาคารพาณิชย์ นอกจากนั้น กลุ่มนักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้จัดการกองทุน (Fund managers) ของกองทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศใน Emerging Market ที่มีความมั่นคงสูง
3.การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายที่จะยกระดับตลาดตราสารหนี้ในประเทศให้ก้าวไปสู่การเป็นตลาดชั้นแนวหน้า โดยการออก ILB จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกใน Emerging Market ที่สามารถออก ILB ได้สำเร็จ และในอนาคตกระทรวงการคลังมีแผนที่จะออก ILB อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยอาจมีการปรับรุ่นอายุให้หลากหลายต่อไป
อนึ่ง ตลาดตราสารหนี้ที่มีเสถียรภาพจะสามารถรองรับความต้องการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ตลอดจนเป็นแหล่งเงินออมที่สำคัญของประเทศ