สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปและภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยและสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,459.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,453.70-1,466.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 16.5 เซนต์ ปิดที่ 39.552 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 7.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,790.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 4.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 780.25 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการแสดงความเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลโปรตุเกสได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากวิกฤตการณ์การเมืองภายในประเทศส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้โปรตุเกสกลายเป็นประเทศที่ 3 ในยูโรโซนที่ขอความช่วยเหลือจากอียู
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังจากราคาน้ำมัน NYMEX ทะยานขึ้นเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหว 7.4 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อค่ำวานนี้ ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเช่นกัน แต่แรงบวกได้ชะลอตัวลงในช่วงท้าย หลังจากไม่มีรายงานความเสียหายและผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจากธนาคารกลางยุโรปประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน และอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เช่นทองคำ ปรับตัวลงด้วย