WTO เผยการค้าโลกปี 53 พุ่ง 14.5% กลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนวิกฤตการเงิน

ข่าวต่างประเทศ Friday April 8, 2011 13:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยว่า การค้าโลกปรับตัวสูงขึ้น 14.5% ในปี 2553 ซึ่งเป็นการฟื้นกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกในเดือนกันยายน 2551 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวในอนาคตยังไม่แน่นอน

"การค้าโลกดีดตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2553" นายปาลกาล รามี ผู้อำนวยการทั่วไปของ WTO กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงรายงานการค้าโลกประจำปีวานนี้

"เพียงปีเดียวหลังจากที่ร่วงลง 12% ปริมาณการส่งออกก็สามารถดีดตัวกลับมาได้ถึง 14.5% ซึ่งเป็นสถิติการขยายตัวต่อปีที่มากที่สุด" เขากล่าว โดยการขยายตัวในปี 2553 ถือเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบเมื่อปี 2593

"เมื่อพิจารณาจากปริมาณการค้าโลกที่ร่วงลงอย่างมากในปี 2552 การขยายตัวในระดับนี้หรือสูงกว่านี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับปี 2553" WTO ระบุ

ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายประเทศนั้น มีการขยายตัวทางการค้าเหนือกว่าทุกภูมิภาค ด้วยปริมาณการส่งออกที่พุ่งขึ้น 23% ในปี 2553

โดยจีนมีการส่งออกขยายตัว 28.4% และการนำเข้าขยายตัว 22.1% ขณะที่อินเดียมียอดส่งออกโตประมาณ 20% และนำเข้าโตประมาณ 11%

สำหรับญี่ปุ่น มีปริมาณการส่งออกทะยานถึง 27.5% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่ทรุดลงถึง 24.8% ในปี 2552 ส่วนปริมาณการนำเข้าในปี 2553 ของญี่ปุ่นนั้น ขยายตัว 10%

ขณะที่สหรัฐอเมริกามีปริมาณการส่งออกขยายตัว 15.4% และนำเข้าขยายตัว 14.8% สหภาพยุโรปมีปริมาณการส่งออกขยายตัว 11.4% และนำเข้า 9.2%

ในส่วนของมูลค่านั้น จีนยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำในฐานะผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก โดยจีนส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่าราว 1,578 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 10% ของการส่งออกทั่วโลก ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาที่ 1,278 พันล้านดอลลาร์ เยอรมนี 1,269 พันล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่น 770 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลดอิทธิพลลง การลดงบประมาณรายจ่ายในบางประเทศ อัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลาง จะทำให้ปริมาณการค้าและผลผลิตในปีนี้ขยายตัวช้าลงกว่าในปีที่แล้ว โดย WTO คาดการณ์ว่าการค้าโลกปี 2554 จะขยายตัวปานกลางที่ 6.5%

นอกจากนี้ WTO ระบุด้วยว่า การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้ยังอาจเผชิญอุปสรรคจากราคาอาหารและราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักอื่นๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

WTO ยังได้เจาะจงถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติและวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ว่า การส่งออกของญี่ปุ่นในปีนี้จะร่วงลงในระหว่าง 0.5 - 1.6%

"ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบสาธารณูปโภค อาทิ ถนน สะพาน ทางรถไฟ และระบบสื่อสารโทรคมนาคม อาจส่งผลให้การส่งออกประสบเหตุติดขัดได้"

อย่างไรก็ดี WTO คาดว่า การนำเข้าของญี่ปุ่นจะปรับตัวขึ้นระหว่าง 0.4 - 1.3% ในปี 2554 เนื่องจากญี่ปุ่นจะต้องการวัสดุสิ่งของ เทคโนโลยี หรือทักษะต่างๆจากต่างประเทศ เพื่อการบูรณะฟื้นฟูประเทศ

แพทริก โลว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ WTO กล่าวว่า ผลกระทบระยะกลางและระยะยาวของภัยพิบัติในญี่ปุ่นที่จะมีต่อการค้าโลกนั้น น่าจะมีเพียงเล็กน้อย แต่รูปแบบของการค้าจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้จัดหาสินค้าขั้นกลาง หรือสินค้าที่ใช้เป็นปัจจัยในการผลิตสินค้าสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคและชิ้นส่วนยานยนต์

WTO ระบุว่า จากเดิมที่ต้องนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น ผู้ผลิตก็อาจจะต้องนำเข้ามาจากประเทศอื่นแทน หรือหาซื้อในประเทศ ขณะที่สินค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้ อาจประสบภาวะขาดแคลนชั่วคราว

ขณะเดียวกัน ความเป็นไปได้ที่การเจรจาการค้ารอบโดฮาจะประสบภาวะชะงักงันนั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพของการค้าโลกเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ