ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับลดการประเมินเศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน เนื่องจากผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ รวมถึงวิกฤตการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น มีแนวโน้มว่าจะขยายวงกว้าง
"เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังได้รับแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะในภาคการผลิต อันเป็นผลมาจากธรณีพิบัติ" ธนาคารกลางระบุในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน
ธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า เศรษฐกิจอาจอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงต่อไปอีกนาน แต่ในที่สุดก็จะสามารถกลับมาฟื้นตัวในระดับปานกลาง ซึ่งการประเมินเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของธนาคารในวันนี้ เป็นลบกว่าการประเมินครั้งก่อนมาก โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
"แผ่นดินไหวทำให้การผลิตร่วงลงอย่างหนักในบางพื้นที่ โดยทำให้โรงงานได้รับความเสียหาย ทำให้อุปทานติดขัด และทำให้ขาดแคลนไฟฟ้า" ธนาคารกลางระบุ
"ความต้องการจากในและนอกประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงต่อไป โดยเฉพาะในภาคการผลิต แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวในระดับปานกลางได้ เมื่ออุปทานเริ่มตึงตัวน้อยลงและการผลิตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจประเทศอื่นดีขึ้น" บีโอเจกล่าว
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางกล่าวว่าการผลิตจะยังอยู่ในระดับต่ำจนกว่าปัญหาด้านอุปทานจะได้รับการแก้ไข
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมนโยบายที่ใช้เวลาสองวัน บีโอเจได้สรุปเมื่อวานนี้ว่า ทางธนาคารจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดที่ 0-0.1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยพิบัติเมื่อเดือนมีนาคม
นอกจากนั้นธนาคารกลางยังประกาศว่าจะปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 1 ล้านล้านเยน (1.171 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่สถาบันการเงินในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ สำนักข่าวซินหัวรายงาน