ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก:ดอลล์ร่วงหลังคองเกรสไม่ได้ข้อยุติงบประมาณ,ยูโรพุ่งจากกระแสคาดขึ้นดบ.

ข่าวต่างประเทศ Saturday April 9, 2011 08:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) จากความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐอาจต้องยุติการให้บริการแก่ประชาชนชั่วคราวอันเนื่องมาจากสภาคองเกรสไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องงบประมาณได้

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.810 เยน จากระดับ 84.950 เยน, ร่วงลง 0.80% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9089 ฟรังค์ จากระดับ 0.9162 ฟรังค์ และลดลง 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 0.9569 จากระดับ 0.9584 ดอลลาร์แคนาดา

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.13% แตะที่ 1.4464 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4302 ดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าขึ้น 0.97% แตะที่ 122.69 เยน จากระดับ 121.51 เยนในวันพฤหัสบดี

ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.33% แตะที่ 1.6372 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6318 ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.70% แตะที่ 1.0542 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0469 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.41% แตะที่ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7785 ดอลลาร์สหรัฐ

ดีลเลอร์กล่าวว่า เงินดอลลาร์สหรัฐเผชิญกับแรงขาย เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งรวมถึงยูโรและเยน หลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องงบประมาณของรัฐบาลกลางสำหรับปี 2554 ซึ่งทำให้มีแนวโน้มว่าหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการต่อประชาชนอาจต้องยุติการให้บริการที่เห็นว่าไม่จำเป็นลงชั่วคราว (government shutdown) ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี โดยนักลงทุนมองว่า ภาวะการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตัวเลขสต๊อกสินค้าภาคค้าส่งก็กดดันให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเช่นกัน โดยวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานสต็อกสินค้าภาคค้าส่ง เพิ่มขึ้น 1% ในเดือนก.พ. แต่ยอดขายส่งลดลง 0.8% ซึ่งเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่มีความแน่นอน

ด้านเงินยูโรพุ่งสูงขึ้นจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในยุโรปอีก หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในยูโรโซน

โดยกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บดบังปัจจัยที่น่าจะส่งผลกดดันเงินยูโรอย่างข่าวที่ว่า โปรตุเกสกลายเป็นประเทศที่ 3 ในยุโรปที่ต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากที่วานนี้ นายออลลี เรห์น คณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการการเงินของอียู เปิดเผยว่า โปรตุเกสได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่าหลายพันล้านยูโรอย่างเป็นทางการแล้ว

ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) หรือราคาสินค้าหน้าโรงงาน ประจำเดือนมีนาคมที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและราคาอาหารที่ทะยานขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารอังกฤษอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

โดยดัชนี PPI เดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% จากเดือนก.พ. และพุ่งขึ้น 5.4% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 บ่งชี้ว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกำลังเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ