ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจใน 7 เขตจากทั้งหมด 9 เขตภายในประเทศ เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตหลายประเภท และยังเป็นเหตุให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงาน อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บีโอเจได้เปิดเผยรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจภายหลังจากการประชุมผู้จัดการสาขาบีโอเจทั่วประเทศ ซึ่งระบุว่า บีโอเจมีความวิตกกังวลที่ภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจเริ่มลุกลามไปยังเขตต่างๆหลายเขต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตที่ถดถอยหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยเขตโทโฮกุรายงานว่าเศรษฐกิจในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแผ่นดินไหว เนื่องจากสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม ตลอดจนสถานธุรกิจและการผลิตได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ บีโอเจได้ปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจของเขตฮอคไกโด, โทโฮกุ, โฮคุริกุ, คันโต-โกชิเนทสึ ซึ่งรวมถึงกรุงโตเกียว, โตไก, จูโงกุ และคิวชู-โอกินาว่า ขณะที่คงการประเมินเศรษฐกิจของเขตคิงกิ ซึ่งรวมโอซาก้า และได้ปรับเพิ่มการประเมินภาวะเศรษฐกิจของเขตชิโกกุ
"บริษัทบางกลุ่ม โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง กำลังประสบกับความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน อย่างไรก็ตาม ระบบการเงินโดยรวมในญี่ปุ่นยังคงมีเสถียรภาพแม้เกิดแผ่นดินไหว และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีปัญหารุนแรงในเรื่องการชำระบัญชีรายวันของสถาบันการเงิน" นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจกล่าว
บีโอเจได้อัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เข้าสู่ตลาดการเงินญี่ปุ่นนับตั้งแต่เกินแผ่นดินไหว พร้อมกับเพิ่มเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์เป็นสองเท่าที่ระดับ 10 ล้านล้านเยน โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการระดมเงินทุนของบริษัทเอกชน นอกจากนี้ บีโอเจยังวางแผนที่จะจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 1 ล้านล้านเยนเพื่อสนับสนุนงานบูรณะฟื้นฟูประเทศในระยะแรก
"เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง โดยเฉพาะในด้านการผลิต อันเนื่องมาจากผลกระทบของแผ่นดินไหว แต่เราก็คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวปานกลาง เนื่องจากภาวะอุปทานตึงตัวเริ่มลดน้อยลง และภาคการผลิตเริ่มกลับมาดำเนินการบ้างแล้วในขณะนี้" ผู้ว่าการบีโอเจกล่าว