กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตราว 4.4% ในปีนี้
รายงาน "World Economic Outlook" ฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.4% ในปีนี้ แต่คาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะขยายตัวเพียง 2.4% ขณะที่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 6.5%
ส่วนในปี 2555 ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.5% ขณะเดียวกันคาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะขยายตัว 2.6% และเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัว 6.5%
ไอเอ็มกล่าวถึงกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วว่า อุปสงค์ในภาคสาธารณะและภาคเอกชนจะยังคงฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่า วิกฤติการคลังอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังคงฟื้นตัว แม้ยังเผชิญกับภาวะเปราะบางอยู่บ้างก็ตาม
ส่วนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่นั้น ไอเอ็มเอฟระบุว่าอุปสงค์ในประเทศกลุ่มนี้ยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่เศรษฐกิจขยายตัวมากเกินไปทำให้รัฐบาลวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อและทำให้ต้องใช้มาตรการควบคุม
ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนานั้น เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวรวดเร็วและยั่งยืน แต่การเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงส่งผลกระทบต่อครัวเรือนที่ยากจน โดยราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ เนื่องจากความตึงเครียดด้านการเมืองและสังคมในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
โอลิวิว บลองชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไอเอ็มเอฟกล่าวว่า "สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งการฟื้นตัวของประเทศกลุ่มนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากวัฏจักรการปรับเพิ่มและลดสต็อกสินค้าของภาคเอกชน, มาตรการกระตุ้นการคลัง ซึ่งเมื่อสถานการณ์เหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป ก็จะทำให้เศรษฐกิจผันผวนตามไปด้วย"
อย่างไรก็ตาม บลองชาร์ดคาดว่า ราคาสินค้าผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากนัก สำนักข่าวซินหัวรายงาน