นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลจริงก็อาจมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้ออยู่บ้าง แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อของ ธปท.ได้นำเรื่องเหล่านี้มารวมไว้อยู่แล้ว โดย ธปท.ประเมินว่ามาตรการอุดหนุนราคาสินค้าของภาครัฐมีผลต่อเงินเฟ้อประมาณ 0.5-1% ดังนั้น หากมาตรการเหล่านี้ยังคงใช้ต่อไป ก็อาจทำให้เงินเฟ้อต่ำกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้
“ถ้ารัฐบาลตัดสินใจลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลจริงก็คงกระทบกับเงินเฟ้ออยู่บ้าง แต่ในการคาดการณ์ของเราก็รวมสมมติฐานนั้นอยู่แล้ว โดยเราได้ทำประมาณการณ์ต่างๆ ว่าถ้ายกเลิกมาตรการก็มีผลต่อเงินเฟ้อระดับหนึ่ง แต่หากมีมาตรการต่อเนื่องเรื่องการคุมราคา อัตราเงินเฟ้อก็อาจต่ำกว่าที่เราประมาณการณ์ไว้ โดยมองว่าเงินเฟ้อทั่วไปอาจลดลงตั้งแต่ระดับ 0.5-1%"นายประสารกล่าว
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้นั้น นายประสาร ยอมรับว่า อาจกระทบกับการบริโภคและการใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่คงเป็นระยะสั้นและไม่น่าจะมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศ เพราะพื้นที่เสียหายอยู่ในวงจำกัด อีกทั้งสถานการณ์ล่าสุดก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ขณะที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ก็กลับมาให้บริการตามปกติ
"สิ่งที่ควรต้องพิจารณาจากนี้ไป คือ จะมีวิธีป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติลักษณะนี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะหากปล่อยให้เกิดขึ้นทุกปีก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก"นายประสาร กล่าว
สำหรับกรณีที่เงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานั้น นายประสาร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นผลจากการแทรกแซงของ ธปท. แต่น่าจะเป็นเพราะใกล้ช่วงเทศกาลหยุดยาว เพราะโดยปกติมักมีการชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปบ้างในระยะนี้
ส่วนการแข็งค่าขึ้นค่อนข้างรวดเร็วของเงินบาทช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรปเริ่มจะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้นจึงมีการนำมาเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร รวมถึงค่าเงินบาทด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่านักลงทุนไทยได้เทขายทองคำในตลาดโลกช่วงที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น จากนั้นก็แลกเงินสกุลดอลลาร์กลับมาเป็นเงินบาท เป็นผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วย ประกอบกับ ช่วงที่ผ่านมายังมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียและประเทศไทยค่อนข้างมาก
นายประสาร ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นด้วยว่า ณ ขณะนี้ยังไม่ถือว่ายุติดี เพราะยังมีปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ ถ้าญี่ปุ่นไม่มีปัญหานี้เชื่อว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะเข้าสู่ช่วงของการฟื้นฟูและทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง แต่พอมีกรณีของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาซึ่งทำให้การจ่ายพลังงานไม่สามารถทำได้เต็มที่ ดังนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจึงยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อีกทั้งญี่ปุ่นยังเจอปัญหาอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมาอีกเป็นระลอกด้วย