(เพิ่มเติม) นายกฯ เผยคลังจะใช้มาตรการลดหรือเว้นภาษีตรึงราคาดีเซล 30 บาท/ลิตรต่อไป

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 18, 2011 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เผยยังมีความจำเป็นต้องตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร เนื่องจากกังวลภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งผลกระทบจากวิกฤติการณ์ในประเทศญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง แต่ขณะนี้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อพเลิงเหลือเพียง 4 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น หลังจากชดเชยดีเซลมาระยะหนึ่ง ดังนั้นกระทรวงการคลังอาจลดหรือเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อให้สามารถตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลต่อไปได้ โดยจะนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 20 เม.ย.นี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการหารือกับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ต่างเห็นพ้องกันที่จะให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงเหลือไม่เกิน 1 สตางค์หรือใกล้เคียงกับ 0 ซึ่งจะสามารถดูแลระดับราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตรได้ และจะไม่กระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะยังคงเป็นบวกได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 54

"หลังจากได้มีการปรึกษาหารือกับรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน ก็เห็นว่ายังจำเป็นต้องยันราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาท เพื่อเศรษฐกิจในภาพรวม...ขณะนี้เห็นว่าถ้าหากดำเนินมาตรการไม่เก็บภาษีสรรพสามิต หรือเก็บใกล้เคียงกับ 0 จะสามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่ 30 บาท/ลิตรได้" นายอภิสิทธิ กล่าว

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะการคลังในปีงบประมาณ 54 เพราะถือว่าการจัดเก็บรายได้เกินเป้า ซึ่งจะไม่กระทบกับกรอบการกู้เงินใดๆ ทั้งสิ้นของรัฐบาล ส่วนกรอบงบประมาณปี 55 ที่อาจจะได้รับผลกระทบในกรณีจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตนั้น หากได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกก็จะสานต่อนโยบายนี้ พร้อมทั้งปรับสัดส่วนงบประมาณปี 55 ให้มีความเหมาะสม

พร้อมยืนยันว่า หากรัฐบาลปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลสูงเกินลิตรละ 30 บาท จะส่งผลต่อราคาสินค้าที่อาจจะปรับขึ้นตามมาเป็นลูกโซ่ และจะทำให้เกิดทั้งภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด รวมทั้งกระทบต่อภาวะความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ ซึ่งการปล่อยให้ราคาสินค้าสูงขึ้นแล้ว เชื่อว่าจะเป็นการยากที่จะทำให้ราคาสินค้ายอมปรับลดลง ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องบริหารจัดการด้วยแนวทางดังกล่าวเพื่อเศรษฐกิจในภาพรวม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากปัจจัยของวิกฤติเศรษฐกิจในญี่ปุ่นและตะวันออกกลางก็ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เชื่อว่าวิกฤติในตะวันออกกลางจะคงอยู่ตลอดไป

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า แนวทางนี้จะสามารถดูแลราคาน้ำมันไปได้อีก 3-4 เดือนข้างหน้า และยังคงทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวก โดยล่าสุดเงินในกองทุนน้ำมันฯ เหลืออยู่ราว 4 พันล้านบาท และเห็นว่ารัฐบาลชุดหน้ามีสิทธิที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายนี้ได้หากเห็นว่าไม่เหมาะสม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ