นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำในประเทศในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง มีโอกาสแตะ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 21,350 บาท/บาททองคำ โดยได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
ล่าสุด ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนเดือน มี.ค.54 พุ่งขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 32 เดือน ส่งผลทำให้ทางการจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ อีก 0.50% มาอยู่ที่ 20.50% นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.54 ของอินเดียก็พุ่งขึ้นแตะระดับ 8.98%
ขณะที่ยูโรสแตทได้มีการปรับทบทวนอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 17 ประเทศ สู่ระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค.ด้วย ซึ่งสูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ที่ 2.6% และสูงกว่าระดับเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2.00 %
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งล่าสุด มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลงอีก 2 ขั้น และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนปัญหาจลาจลที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อก็ยังคงหนุนราคาทองคำอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจี แนะนำให้นักลงทุนที่ถือทองคำอยู่แล้ว และพอรับความเสี่ยงได้แนะนำให้ถือต่อไปเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านสำคัญที่ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 1,530 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยรอจังหวะซื้อกลับเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,450 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 20,660 บาท/บาททองคำ และ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 20,370 บาท/บาททองคำ ในขณะที่เป้าหมายปลายปียังคงอยู่ที่ระดับ 1,600-1,630 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 22,500-23,000 บาท/บาททองคำ