สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในยูโรโซนและจีน สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1492.90 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 38.50 เซนต์ ปิดที่ 42.956 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 5.95 เซนต์ ปิดที่ 4.198 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,782.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 29 ดอลลาร์ ปิดที่ 739.10 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางของสหรัฐ หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยแถลงการณ์บางตอนของเอสแอนด์พีระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณในระยะกลางและระยะยาวได้ ก็อาจทำให้สหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGBest กล่าวว่า การที่จีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% ซึ่งถือเป็นมาตรการควบคุมเงินเฟ้อครั้งใหม่ของจีนนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ สวนทางกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ และพากันเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง สำนักข่าวซินหัวรายงาน