นางอู๋ เสี่ยวเหลียน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า จีนจะยังคงดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบ ขณะเดียวกันก็จะพยายามปรับอัตราเงินเฟ้อปี 2554 ให้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4%
"อัตราเงินเฟ้อครั้งล่าสุดปรับตัวขึ้นเนื่องจากปัจจัยที่ซับซ้อนทั้งภายในและต่างประเทศ จนถึงขณะนี้เรายังไม่พบว่าปัจจัยดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางจีนพิจารณาการปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีกในอนาคต" นางอู๋กล่าว
นอกจากนี้ นางอู๋กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากการนำเข้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของนางอู๋มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองของธนาคารรายใหญ่ภายในประเทศขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.5% เมื่อเร็วๆนี้ และยังสอดคล้องกับการแสดงความคิดเห็นของนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนที่ว่า จีนยังไม่มีการกำหนดเพดานกันสำรองเงินฝากที่แน่นอนจนถึงขณะนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสุงสุดในรอบ 32 เดือน และสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 4%
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2554 ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากไปแล้ว 3 ครั้ง และยังได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ