นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในเดือน มี.ค.54 มีมูลค่า 21,259 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 30.9% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าเกิน 20,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 19,473 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 28.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนเช่นเดียวกัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ส่งผลให้เกินดุลการค้าจำนวน 1,786.4 ล้านดอลลาร์
"มูลค่าส่งออกเดือนมีนาคมทำสถิติสูงสุด เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว ประกอบกับสินค้าเกษตรและอาหารมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง และยังได้รับอานิสงน์จากการเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับหลายประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาส ขยายการส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้มการส่งออกยังคาดว่าขยายตัวได้ต่อ และขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 12% มูลค่า 219,000 ล้านเหรียญฯได้แน่" นางพรทิวา กล่าว
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้(ม.ค.-มี.ค.54) มีมูลค่าการส่งออกรวม 56,874 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 28.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 54,177 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เกินดุลการค้าทั้งสิ้น 2,697.2 ล้านดอลลาร์
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเดือนมีนาคมที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 43.6% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 26.7% ด้านตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นทุกแห่ง โดยกลุ่มตลาดหลักเพิ่มขึ้น 25.4% กลุ่มตลาดศักยภาพสูงเพิ่ม 33.9% และกลุ่มตลาดศักยภาพระดับรองเพิ่ม 19.8%
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อการส่งออก ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มเป็น 105-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังอาจเพิ่มขึ้นอีกจนกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น การขาดแคลนแรงงานภาคอุตสาหกรรม