สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เตรียมเดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนกลุ่มบริการและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศสาธารณรัฐยูกันดาและสาธารณรัฐเคนยา เพื่อวิเคราะห์โอกาสและลู่ทางการลงทุนกลุ่มประเทศตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกาตะวันออก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมลงทุนไทยในต่างประเทศของรัฐบาล
"ระหว่างวันที่ 24-30 เมษายน 2554 บีโอไอจะเดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุน ณ สาธารณรัฐยูกันดา และสาธารณรัฐเคนยา หลังจากวิเคราะห์โอกาสและลู่ทางการลงทุนกลุ่มประเทศตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกาตะวันออก พบว่าอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร อุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องจักรกลการเกษตร เป็นอุตสาหกรรมที่ยูกันดาและเคนยาต้องการ จึงเป็นโอกาสดีของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุน" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าว
โดยกิจกรรมสำคัญของการศึกษาลู่ทางการลงทุนครั้งนี้จะมีการหารือกับหอการค้าและอุตสาหกรรมของยูกันดาและเคนยา เพื่อวิเคราะห์โอกาสและศึกษากฎระเบียบในการทำธุรกิจของนักลงทุนไทย หลังจากนั้นจะพบกับนักธุรกิจและบริษัทชั้นนำของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเด่นที่นักลงทุนไทยมีศักยภาพและความพร้อม
"นอกเหนือจากประเทศในอาเซียนและเอเชียใต้แล้ว บีโอไอยังส่งเสริมให้นักลงทุนไทยเข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศแถบแอฟริกาอย่างยูกันดาและเคนยาที่เป็นกลุ่มประเทศคาดหวัง แม้ที่ผ่านมาการลงทุนของไทยในประเทศเหล่านี้จะไม่มาก แต่ยังมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มโอกาสในการกระจายสินค้าไทยไปยังประเทศอื่นในกลุ่มแอฟริกาตะวันออก เพราะเคนยาเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน รวมทั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปสู่ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก" นางอรรชกา กล่าว
สำหรับสาธารณรัฐยูกันดานั้นมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาภาคเกษตรกรรมถูกปรับลดระดับความสำคัญลง ขณะที่ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมีความสำคัญมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งเกิดจากการเติบโตของภาคโทรคมนาคม และการบริการเพื่อการท่องเที่ยว
ส่วนสาธารณรัฐเคนยาอยู่ในระหว่างการเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ ตั้งแต่ถนน รถไฟ ไฟฟ้า ประปา โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระบบชลประทาน ซึ่งธุรกิจก่อสร้างไทยน่าจะมีบทบาทเข้าไปรองรับงานก่อสร้างจากการลงทุนดังกล่าวได้