สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค พร้อมฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังประเทศไทยถูกลดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางด้านการท่องเที่ยวจากอันดับ 39 ลงมาอยู่ที่ 41
"ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 41 จาก 139 ประเทศทั่วโลก ซึ่งลดลงจากอันดับที่ 39 จาก 133 ประเทศในปี 2552 และอยู่ในอันดับที่ 10 ในกลุ่มประเทศทวีปเอเชียและแปซิฟิค ตามหลังประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน และจีน โดยเป็นอันดับที่ลดลงจากปี 2552 ที่อยู่ในอันดับที่ 8 รองจากประเทศมาเลเซียที่อยู่ในอันดับที่ 7 ติดต่อ 2 ปีซ้อน" นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธาน สทท.กล่าว
การจัดอันดับดังกล่าวได้มีการเปิดเผยในเวทีการประชุมเศรษฐกิจโลก(World Economic Forum:WEF) ซึ่งเป็นรายงานดัชนีชี้วัดการแข่งขันทางด้านการเดินทางและท่องเที่ยว(The Travel & Tourism Competitiveness Index) ที่จัดทำเป็นประจำทุกปี
ประธาน สทท. กล่าวว่า ดัชนีชี้วัดดังกล่าวจะพิจารณาจาก 3 หัวข้อ ได้แก่ กรอบการทำงานด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โครงสร้างพื้นฐาน เช่น เส้นทางการเดินทาง และสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และทรัพยากรมนุษย์
"รัฐบาลจะต้องเร่งศึกษาปัญหาและแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่ไทยจะถูกลดอันดับลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย" นางปิยะมาน กล่าว
โดยหัวข้อที่ประเทศไทยมีจุดอ่อนมากที่สุด หรืออยู่ในอันดับที่ 77 คือ กรอบการทำงานด้านกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องในประเด็นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กสูง ปล่อยให้พืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ ความปลอดภัยและมั่นคงในประเด็นต้นทุนธุรกิจด้านผู้ก่อการร้าย ความไม่เพียงพอของปัจจัยทางการรักษาพยาบาล รวมถึงกฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น การปฏิบัติตามข้อตลกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ เป็นความตกลงระหว่างประเทศ(GATs) สิทธิบัตร การขอวีซ่า เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีข้อด้อยในเรื่องของการจัดทำข้อมูลด้านการท่องเที่ยวอย่างบูรณาการ การใช้จ่ายงบประมาณด้านการท่องเที่ยวที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ส่วนประเด็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งอยู่ในอันดับปานกลาง แต่มีปัจจัยที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข คือ ความหนาแน่นของสนามบิน โครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายโทรศัพท์ การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และการให้บริการอินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ที่ยังคงมีจำนวนจำกัดและไม่กระจายไปสู่ชุมชน หมู่บ้าน อย่างทั่วถึง
และถึงแม้ดัชนีราคาโรงแรมของประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 8 แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเรื่องรายได้มากกว่าจำนวน
ส่วนในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และทรัพยากรมนุษย์ เป็นหัวข้อที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 21 โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องให้สำคัญเร่งแก้ไข คือ ประเทศไทยถูกมองว่ามีปัญหาเรื่องการศึกษาในระดับประถมและมัธยมที่มีสัดส่วนไม่สูงพอ ปัญหาเรื่องโรคเอดส์ ปริมาณสนามกีฬาที่ไม่เพียงพอ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ถูกมองว่าแย่ลง รวมไปถึงจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก
ประธาน สทท. กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ คือ รัฐบาลและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจะต้องวางกรอบและโครงสร้างการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านการค้าหลังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ แม้จะเหลือเวลาอีก 4 ปี แต่ก็ต้องเริ่มต้นดำเนินการก่อนที่จะสายเกินไป ไม่ใช่นั้นประเทศไทย คนไทย ผู้ประกอบการไทยจะเสียเปรียบทางการค้า