สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อหลัก พุ่งขึ้น 17.51% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงอาจทำให้รัฐบาลเวียดนามต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 2 ครั้งภายในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามอาจพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 20% ในเร็วๆนี้ ก่อนที่จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 13% ภายในปลายปีนี้ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางเวียดนามต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากที่ได้ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็น 13% จากระดับ 7% เมื่อไม่นานมานี้
ธนาคารกลางเวียดนามได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาเงินเฟ้ออาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6.1% ในปีนี้ และ 6.7% ในปีหน้า
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามในไตรมาสแรกปี 2554 พุ่งขึ้น 14.1% คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 198.7 ล้านล้านดอง (9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามระบุว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมในภาคเอกชนในไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 74.5 ล้านล้านดอง (3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือเพิ่มขึ้น 16.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมรัฐวิสาหกิจพุ่งขึ้น 40 ล้านล้านดอง (1.9 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนผลผลิตอุตสาหกรรมของบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม อยู่ที่ระดับ 85.1 ล้านล้านดอง (4.1 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน