นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า หากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในวงจำกัดก็คงจะไม่กระทบกับเศรษฐกิจมหภาคมากนัก เพราะมูลค่าส่งออกของไทยไปยังกัมพูชามีไม่ถึง 1% ของมูลค่าส่งออกรวม
อย่างไรก็ตาม ธปท.อยู่ระหว่างติดตามความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย คือ อัตราเงินเฟ้อทั้งในและนอกประเทศ ขณะที่ไทยครึ่งปีหลังมีมิติเรื่องการเมืองด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้ง แต่ก็หวังว่าจะผ่านไปด้วยดี ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายยังมีความเสี่ยง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นไม่เต็มที่ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะได้ ขณะที่ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอยู่
สำหรับเงินที่ไหลเข้าเอเชียในช่วงสุดสัปดาห์ต่อเนื่องต้สัปดาห์นี้ เพราะเป็นความต่อเนื่องที่เศรษฐกิจในเอเชียฟื้นตัวดีกว่าฝั่งตะวันตก สหรัฐมีปัญหาเรื่องที่ตกลงงบประมาณไม่ได้ เอสแอนด์พีจึงปรับแนวโน้มมุมมองต่อเศรษฐกิจ ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงมา อย่างไรก็ตาม หากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เกิดจากกรปรับฐานทางนโยบายเศรษฐกิจ ธปท.ก็ไม่นีโยบายเข้าไปฝืนตลาด
ส่วนเรื่องเงินที่ไหลเข้าในประเทศจะเป็น Hot Money หรือไม่นั้น แยกแยะได้ยากมาก ธปท.คงทำได้แค่ติดตามไว้เท่านั้น
นายประสาร ยังกล่าวถึงนโยบายด้านประชานิยมที่แต่ละพรรคการเมืองนำเสนอขึ้นมาหาเสียงว่า นโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำนั้น ทางที่ดีควรจะปรับเพิ่มผลิตภาพไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่แค่ปรับค่าแรงอย่างเดียว เพราะอาจเกิดผลกระทบได้ ส่วนแคมเปญของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ที่ปล่อยกู้ซื้อบ้าน 0% 2 ปีนั้น ยังไม่ได้ดูรายละเอียดในภาพรวมว่าวงเงินที่ช่วยเหลือช่วยเหลือกว้างแค่ไหนจึงจะรู้ผลกระทบว่าเป็นอย่างไร
"นโยบายประชานิยม ต้องให้ความสำคัญ หลายประเทศก็มีปัญหานี้ เป็นการสร้างหนี้สาธาธารณะให้กับประเทศสูง แม้ว่าของไทยยังต่ำไม่ถึง 50% ก็ตาม"นายประสาร กล่าวภายหลังจากปาฐกถาเรื่อง"SMEs โอกาสและความเสี่ยงในยุคเอเชียภิวัฒน์"