สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซร่วงลงมาอยู่ที่ 10.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2553 จากระดับ 15.4% ในปี 2552 แต่ตัวเลขขาดดุลในปีที่แล้วยังอยู่ห่างจากเป้าหมายที่ 9.6% ของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี)
ขณะที่หนี้สาธารณะของกรีซขยายตัวขึ้นจาก 127.1% ของจีดีพี เป็น 142.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในบรรดา 17 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่ใช้เงินสกุลยูโร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กรีซจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่กรีซไม่สามารถรีไฟแนนซ์หนี้จำนวนมหาศาลได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่า กรีซจะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตหนี้ได้ แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงิน โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า รัฐบาลกรีซอาจจะไม่มีทางเลือก นอกจากปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศซบเซาจนไม่สามารถลดหนี้สินลงได้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของกรีซควรจะอยู่ที่ 9.6% และ 140.2% ของจีดีพีในปีที่แล้ว