รายงาน Annual Energy Outlook 2011 ของ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดว่า การพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงเหลวของสหรัฐอาจจะลดลงในระยะยาว
โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ยอดการใช้เชื้อเพลิงเหลวในสหรัฐ ซึ่งรวมทั้งเชื้อเพลิงจากฟอสซิลและเชื้อเพลิงชีวภาพ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 21.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2578 จากประมาณ 18.8 ล้านดอลลาร์ต่อวันในปี 2552
EIA ระบุว่า ถึงแม้ว่าการใช้เชื้อเพลิงเหลวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การพึ่งพาการนำเข้าปิโตรเลียมต่อสัดส่วนของการใช้เชื้อเพลิงเหลวทั้งหมดคาดว่าจะลดลง โดยสัดส่วนการนำเข้า ที่แตะระดับ 60% ในปี 2548 และ 2549 ก่อนลดลงสู่ระดับ 51% ในปี 2552 คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 42% ในปี 2578
นอกจากนี้ EIA กล่าวเสริมว่า การลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงของสหรัฐเกิดจากการเติบโตของการผลิตภายในประเทศ ซึ่งรวมทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้น โดยแหล่งชั้นหินก๊าซธรรมชาติภายในประเทศจะรองรับการผลิตก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นในราคาที่ถูกลง ซึ่งเติบโตถึง 4 เท่า ในระหว่างปี 2552 ถึงปี 2578 และจะมีสัดส่วนเป็น 47% ของการผลิตทั้งหมดในสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 16% ในปี 2552
ริชาร์ด เนเวลล์ ผู้บริหาร EIA กล่าวว่า "การคาดการณ์ของ EIA บ่งชี้ถึงการการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของการผลิตก๊าซจากชั้นหิน, การเติบโตของการใช้ก๊าซธรรมชาติ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และการลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงเหลวลง" สำนักข่าวซินหัวรายงาน