"เบอร์นันเก้"คาดศก.สหรัฐโต 3.3% ปีนี้ ย้ำ QE2 ประสบความสำเร็จ คาดตลาดแรงงานฟื้นตัว

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 28, 2011 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวานนี้ โดยเบอร์นันเก้คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 3.1-3.3% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.9%

เบอร์นันเก้มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐ โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4% ภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.8% และคาดว่าอัตราว่างงานในปี 2555 จะลดลงสู่ระดับ 7.6-7.9% นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ประมาณการว่า ดัชนีการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE)ในสหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อ จะอยู่ที่ระดับ 2.1-2.8% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3-1.7% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.3-1.6% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.0-1.3%

"อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะค่อนข้างอ่อนแอในช่วงไตรมาสแรก แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น ส่วนตลาดแรงงานกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และผมมั่นใจว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวขึ้นอีก" เบอร์นันเก้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 98 ปีของเฟดที่ประธานเฟดจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ เบอร์นันเก้ยืนยันว่า "สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและมีเสถียรภาพ" เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐได้ออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่า "สหรัฐไม่เคยมีแผนใช้นโยบายที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเพียงเพื่อจะฉวยข้อได้เปรียบด้านการค้าในตลาดโลก และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นประโยชน์ของสหรัฐ"

ส่วนเรื่องมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ที่เฟดถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักนั้น เบอร์นันเก้ยืนยันว่า มาตรการ QE2 ที่เฟดนำมาใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้น "ประสบความสำเร็จ" เป็นอย่างดี และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เบอร์นันเก้กลาวว่า ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์เงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจในอีกหลายเดือนข้างหน้า

เบอร์นันเก้กล่าวว่า การที่เฟดตัดสินใจจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.ปีนี้นั้น จะไม่ส่งผลกระทบ "อย่างมีนัยสำคัญ" ต่อตลาดการเงินหรือเศรษฐกิจ และเฟดจะยังคงรักษาขนาดของงบดุลบัญชีไว้ที่ระดับเดิมภายหลังเดือนมิ.ย. ด้วยการนำเงินที่ได้รับจากสินทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมาลงทุนใหม่ สินทรัพย์ดังกล่าวรวมถึงพันธบัตรและตราสารหนี้ประเภทที่มีสินเชื่อบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าตัวเลขการจ้างงานจะขยายตัวรวดเร็วขึ้น และจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานภาวะสินเชื่อตึงตัวได้

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ เบอร์นันเก้ยอมรับว่า สหรัฐกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้มูลค่ามหาศาล ซึ่งถือเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ