กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียจะขยายตัวที่ระดับ 7% ในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าอินเดียและจีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟเตือนว่า มีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อในเอเชียที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.5% ในปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและน้ำมันจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นวงกว้าง และจะส่งผลกระทบต่อคนยากจน
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟเตือนว่า ภูมิภาคเอเชียจะเผชิญกับความเสี่ยงในด้านอื่นๆ รวมถึงความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้น พร้อมกับเตือนถึงเรื่องความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจเอเชียขยายตัวอย่างรวดเร็วมาจากราคาสินทรัพย์และสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะสินทรัพย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเอเชียจะชะลอตัวลงในปีหน้า เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มทรงตัวและธนาคารกลางทั่วเอเชียยังคงเดินหน้าใช้นโยบายควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจมหภาค
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเปิดเผยว่า มีสัญญาณบ่งชี้เพิ่มขึ้นว่าจีนและฮ่องกงยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับเตือนว่า ภาวะติดขัดด้านการผลิตและลำเลียงขนส่งที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายการผลิตของภูมิภาคเอเชียในระดับที่รุนแรงกว่าที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อภาคการค้าและอุปทาน สำนักข่าวซินหัวรายงาน