นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนพร้อมเดินหน้าทำการค้าร่วมกับนักธุรกิจกัมพูชาต่อไป เนื่องจากสภาพการค้าภายในกัมพูชายังดำเนินต่อไปได้ตามปกติ โดยนักธุรกิจสามารถแยกแยะปัญหาการค้ากับปัญหาชายแดนได้ แม้จะปิดด่านชายแดน 2 แห่งก็ตาม
ส่วนการรวมตัวก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 58 ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา โดยทุกอย่างยังคงเดินหน้าต่อไปไม่มีอะไรยกเลิก และหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะยุติปัญหานี้ได้โดยเร็ว
ขณะที่นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการการค้าชายแดน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้จะเกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หอการค้าไทยยังเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนในกัมพูชาต่อ เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี) นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะยังไม่ปิดด่านการค้าไทย-กัมพูชาเพิ่มเติม
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตนเองได้สั่งการให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ ดูแลไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและกักตุนสินค้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบปัญหาการร้องเรียน แต่หากพบให้ดำเนินการทางกฎหมายขั้นสูงสุดทันที โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ