สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮอีกครั้งเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ไปจนถึงเดือนมิ.ย.ตามที่วางแผนไว้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 14.1 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,531.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,523.90-1,538.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.562 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.520 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 9.1 เซนต์ ปิดที่ 4.228 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 20.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,839.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 17.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 775.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เฟดตัดสินใจเดินหน้าโครงการ QE2 ด้วยการซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่เทขายดอลลาร์และหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 73.114 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 1.8% ต่ำกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ดีถึง 3.1%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำพุ่งขึ้นเป็นเวลา 10 วันในรอบ 11 วันทำการที่ผ่านมา และราคาสัญญาปรับตัวขึ้นไปแล้ว 10% นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา