ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ขยายตัวน้อยลงในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ไปจนถึงเดือนมิ.ย.
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.30% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.4820 ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.4776 ยูโร และอ่อนตัวลง 0.07%
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังร่วงลง 0.85% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 81.510 เยน จากระดับของวันพุธที่ 82.210 เยน และดิ่งลง 0.21% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8733 ฟรังค์ จากระดับ 0.8751 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.48% แตะที่ 1.0923 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0871 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.01% แตะที่ 0.8019 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8018 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวเพียง 1.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.0% และต่ำกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ดีถึง 3.1% เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย และยังทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 เม.ย. พุ่งขึ้น 25,000 ราย แตะระดับ 429,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 404,000 ราย ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 392,000 ราย
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดันจากการที่คณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการ QE2 ไปจนครบกำหนดวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.และให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สภาพคล่องในระบบสูงและทำให้มูลค่าสกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลง และจะยิ่งทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคของสหรัฐในแง่ของการซื้อสินค้านำเข้าในราคาที่แพงขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน พุ่งขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย และทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อในวันข้างหน้า
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงรายได้ส่วนบุคคลเดือนมี.ค. และดัชนีต้นทุนการจ้างงานไตรมาสแรกปีนี้