ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จากภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยกับกัมพูชา ณ สิ้นไตรมาส 1/54 พบว่า การค้าระหว่างไทยกับกัมพูชายังคงดำเนินต่อไปได้ในทิศทางเชิงบวกแม้จะเกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่สินค้าไทยอาจถูกแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในกัมพูชาไปได้ในระยะยาว หากความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างไทยและกัมพูชายังไม่แน่นอน สะท้อนจากส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยในกัมพูชาที่เริ่มลดลงขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าจากเวียดนามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาปี 51
นอกจากนี้ ยังพบว่าไทยมีมูลค่าการลงทุนในกัมพูชาลดลงด้วย ขณะที่นักลงทุนชาติอาเซียนอื่นๆ กลับมีแนวโน้มลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้น โดยมีเวียดนามเป็นผู้นำการลงทุนรายใหญ่ รวมไปถึงจีนที่กำลังมาแรงในภูมิภาคอาเซียน นัยหนึ่งอาจสะท้อนได้ว่าธุรกิจของไทยที่มีการลงทุนอยู่ในกัมพูชามีแนวโน้มเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งทางธุรกิจในตลาดโลกที่เข้าไปแย่งชิงตลาดในกัมพูชา และหากประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย อาจบั่นทอนบรรยากาศการค้า-การลงทุนของไทยในกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพและโอกาสในการขยายการลงทุนของไทยในกัมพูชาในระยะยาวได้
ทั้งนี้ กัมพูชาเองก็มีปัจจัยเอื้อที่น่าเข้าไปลงทุนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านที่ดินและแรงงานที่ค่อนข้างต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงระบบโลจิสติกส์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหลายโครงการ ส่วนผู้ประกอบการไทยเองก็มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน ประสบการณ์ทางธุรกิจ เทคโนโลยีด้านการเกษตร และความโดดเด่นด้านสาขาบริการ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เตือนนักธุรกิจไทยควรพึงระวังในการทำการค้าและการลงทุนในกัมพูชา และควรติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งศึกษาโอกาสขยายลู่ทางการค้าและการลงทุนตลาดอื่น เพื่อกระจายความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ โดยอาจพิจารณาประเทศเพื่อนบ้านอื่นที่น่าลงทุนในตลาดอาเซียน เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายตลาดรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตลาดใหม่เหล่านี้