ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลัก เหตุนลท.ผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 5, 2011 08:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) หลังรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐประจำเดือนเมษายนขยายตัวน้อยกว่าคาดการณ์ และดัชนีภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ขณะที่ความคืบหน้าของโปรตุเกสในการบรรลุข้อตกลงรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อแก้วิกฤตหนี้สินได้หนุนให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น

เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.590 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 80.930 เยน และอ่อนตัวลง 0.10% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ โดยเงินปอนด์แข็งค่าแตะระดับ 1.6496 ดอลลาร์ จากระดับ 1.6480 ดอลลาร์

เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4827 ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4826 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.93% แตะที่ 1.0738 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.0839 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 1.07% แตะที่ 0.7895 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7980 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากปัจจัยลบของการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 198,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการที่ชะลอตัวแตะระดับ 52.8 จุดในเดือนเมษายน ทำสถิติชะลอตัวลงหนักสุดในรอบ 8 เดือน และอยู่ต่ำกว่าระดับ 57.3 จุดในเดือนมี.ค. อีกทั้งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 57.4 จุด ดัชนีภาคบริการที่ซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้นี้ได้จุดกระแสความวิตกกังวลในภาคอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งมีแรงงานราว 90% ของแรงงานในสหรัฐ

ในส่วนของเงินยูโรได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่นายโชเซ่ โซเครติส นายกรัฐมนตรีโปรตุเกสประกาศว่า โปรตุเกสได้บรรลุข้อตกลงรับความช่วยเหลือทางการเงินกับไอเอ็มเอฟและอียูเป็นวงเงิน 7.8 หมื่นล้านยูโร (1.16 แสนล้านดอลลาร์)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ