ธปท.เผย Q1/54 สินเชื่อลงทุนเร่งตัวชัด-NPLลดต่อเนื่อง,จับตาออกตั๋วบี/อี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 6, 2011 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธสถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แถลงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/54 โดยระบุว่าสินเชื่อเพื่อการลงทุนเร่งตัวขึ้น และเห็นแนวโน้มความต่อเนื่องในไตรมาสต่อไป คาดว่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวต่อไป แต่จับตาการออกตั๋วบี/อีที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความโปร่งใสในการให้ผลตอบแทนของบริการเงินฝาก

ธปท.ระบุว่า ไตรมาส 1/54 สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 13.4% เพิ่มขึ้นจาก 11.3% ในไตรมาส 4/53 จากการขยายตัวของสินเชื่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 12.2% จาก 9.0% ณ สิ้นไตรมาสก่อน ซึ่ง ธปท.เริ่มเห็นการเร่งตัวของสินเชื่อประเภทนี้ที่ไม่ใช่แค่เงินทุนหมุนเวียน และเชื่อว่าการเร่งตัวจะต่อเนื่องถึงไตรมาสต่อไป ตัวนี้จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป เพราะการขยายกำลังผลิตของนักลงทุนจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนรายย่อยมากขึ้น

แต่ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังการบริหารความเสี่ยงสินเชื่อ เพื่อไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)เร่งตัวขึ้น โดยล่าสุดยอดคงค้างอยู่ที่ 300.5 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 12.1 พันล้านบาท จากการรับชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการตัดหนี้สูญเป็นสำคัญ สัดส่วนต่อสินเชื่อรวมลดลงทั้ง Gross NPL จาก 3.6% เหลือ 3.2% และ Net NPL ลดลงจาก 1.9% เหลือ 1.7%

อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังไม่ปักใจเชื่อการลดลงของ NPL ในไตรมาส 1/54 แต่ต้องการติดตามดูอีกระยะหนึ่งว่ามาจากสาเหตุที่แท้จริงอะไรกันแน่

นางสาวนวพร กล่าวว่า ด้านเงินฝากและตั๋วแลกเงินขยายตัวต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/54 ขยายตัว 11.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลาย สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากและตั๋วแลกเงินลดลงจาก 88.3% เหลือ 87.0%

ธปท.ยังจับตาดูตั๋วแลกเงิน(บี/อี)ของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เร่งตัวขึ้นจาก 6% มาที่ 9% ของยอดเงินฝาก เนื่องจากตั๋วบี/อีไม่ได้รับการคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งอาจสร้างความไม่มีเสถียรภาพและความผันผวนของฐานะการเงินธนาคารได้ แต่ก็มองว่าส่วนใหญ่ผู้ลงทุนในตั๋วบี/อีจะเป็นกลุ่มสถาบันมากกว่า 40% ไม่ใช่ประชาชนรายย่อย ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่มีแรงกดดันให้เกิดปัญหามากนัก แต่ก็ต้องเข้ามาดูแลให้อยู่ในความพอดี

นางสาวนวพร กล่าวว่า ธปท.จับตาระบบธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ที่ให้ความสำคัญต่อการขยายตัวของเงินฝากอย่างมาก โดยมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ครั้งแรกในรอบ 2 ปี เข้าใจได้ว่าธนาคารพาณิชย์จะเข้าไปดูแลลูกค้าเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ธปท.จะให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการบริการเงินฝากที่จะได้รับผลตอบแทนแน่นอน ซึ่งการออกตั๋วบี/อีที่มีการแจกรางวัลล่อใจนั้น ผู้ลงทุนควรจะต้องเปรียบเทียบว่าการชิงรางวัลมีความชัดเจนหรือไม่ เพราะอาจส่งผลต่อผลตอบแทนทำให้ไม่ชัดเจนก็ได้

ทั้งนี้ ธปท.กำชับธนาคารพาณิชย์บริหารความเสี่ยงในจุดนี้ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงธุรกิจทุกประเภท ซึ่งขณะนี้ภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ และดูแลตัวเองได้ดี อย่างย้อนไป 5 ปี 10 ปีก็สามารถผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกมาได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ