นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค.นี้จะนำคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจแห่งชาติเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานผลความคืบหน้าและรับฟังข้อคิดเห็นการจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจแห่งชาติทั้ง 10 สาขา ก่อนที่จะสรุปให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้
หลังจากนั้นจะนำเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) นำไปบรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11(2555-2559) ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ไทยมีแผนพัฒนาธุรกิจในระดับสาขาธุรกิจที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับแผนฯ 11
สำหรับ 10 สาขาธุรกิจที่จะทำแผนพัฒนาธุรกิจแห่งชาติ ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อธุรกิจ, การพัฒนาระบบราชการเพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจ, การพัฒนาธุรกิจตัวแทนการค้าและจัดจำหน่าย, การพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและธุรกิจสมัยใหม่, การพัฒนาธุรกิจก่อสร้าง, การพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยว, การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์, การพัฒนาธุรกิจอาหารและแปรรูปการเกษตร, การพัฒนาธุรกิจแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และการพัฒนาธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ
ด้าน น.ส.พิกุล ทักษิณวราจาร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจ การพัฒนาทุนมนุษย์ จะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะธุรกิจทุกวันนี้จะดำเนินไปได้ก็เพราะมนุษย์ จึงจำเป็นต้องมีแผนพัฒนาคนให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งในที่นี้มี 8 สาขาธุรกิจที่จะเป็นอนาคตของประเทศ ก็ต้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษา พัฒนาคน ฝึกคน ให้ตรงกับที่ธุรกิจต้องการ
ส่วนการพัฒนาระบบราชการเพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจจะเน้นปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของภาคธุรกิจ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้ทันและสอดคล้องกับการทำธุรกิจ รวมทั้งจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดของเจ้าหน้าที่ในการทำงานร่วมกับภาคเอกชนไปเป็นผู้ให้บริการ และเป็นผู้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ