ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นเกินคาด ขณะที่เงินยูโรร่วงลง หลังจากมีข่าวลือว่ากรีซกำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากยูโรโซน
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.33% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.4345 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4538 ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสบดี และอ่อนค่าลง 0.86% เมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.53 เยน จากระดับ 116.53 เยน
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.49% เมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 80.520 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 80.130 เยน และพุ่งขึ้น 0.83% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส ที่ระดับ 0.8770 ฟรังค์ จากระดับ 0.8698 ฟรังค์
ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.04% แตะที่ระดับ 1.6382 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6388 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.05% แตะที่ 1.0691 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0580 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.96% แตะที่ 0.7909 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7834 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายช่วงแรก หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 11 เดือน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขจ้างงานที่พุ่งขึ้นในเดือนเม.ย.นั้นเนื่องมาจากภาคเอกชนจ้างงานมากที่สุดในรอบ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานในเดือนเม.ย.ขยับขึ้นสู่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ "แดร์ สปีเกล" รายสัปดาห์ของเยอรมนีรายงานทางเว็บไซต์ว่า รัฐมนตรีคลังของประเทศหลักๆในยุโรปกำลังประชุมกันอย่างลับๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กรีซกำลังพิจารณาที่จะเลิกใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งข่าวนี้จุดกระแสความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ของกรีซจะลุกลามไปทั่วภูมิภาค และส่งผลกระทบให้ค่าเงินยูโรร่วงลงทันที
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ปรับตัวขึ้นแตะ 74.698 จากระดับ 74.143 ในวันพฤหัสบดี