นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจการประเมินผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,183 คน ระหว่างวันที่ 3-7 พ.ค. 54 ว่า ในช่วงเปิดเทอมของปีนี้จะมีเงินสะพัด 46,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.4% โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรวม 6,939 บาท/คน เพิ่มขึ้น 42.38% เพราะราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ทั้งชุดนักเรียน ถุงเท้า รองเท้า หนังสือ กระเป๋า และเครื่องเขียน
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากค่าเล่าเรียนหรือค่าหน่วยกิจ 5,689 บาท ค่าบำรุงโรงเรียน (กรณีเปลี่ยนโรงเรียนใหม่/แป๊ะเจี๊ยะ) 8,325 บาท ค่าบำรุงโรงเรียนตามปกติ 1,676 บาท ค่าเสื้อผ้า 1,110 บาท ค่าหนังสือ 1,094 บาท เป็นต้น
ผู้ปกครองจำนวน 62.7% มีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่าย ส่วนแหล่งที่มาของเงิน 53.5% มาจากเงินเดือน, 39.4% เงินออม, 6.8% โบนัสและรายได้อื่นๆ
ขณะที่ผู้ปกครองอีก 37.24% มีเงินไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ซึ่ง 25.7% ต้องจำนำทรัพย์สิน, 24.5% กู้เงินในระบบ, 21.% กู้เงินนอกระบบ, 15% ยืมญาติพี่น้อง เป็นต้น
สำหรับนโยบายเรียนฟรี 12 ปี ของรัฐบาลนั้น กลุ่มตัวอย่าง 82.4% ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายดังกล่าว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มบ้าง โดยนโยบายนี้ได้คะแนนความพึงพอใจ 8.9 คะแนน เต็ม 10
อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือด้านศึกษา ได้แก่ ปรับปรุงมาตรฐานการศึกษา เพิ่มจำนวนทุนการศึกษา เน้นหลักสูตรที่เรียนจบแล้วมีงานทำ ค่ารถโรงเรียนฟรี ค่าหนังสือฟรี
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายในช่วงวันวิสาขบูชาว่า คาดจะมีเงินสะพัดกว่า 15,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการทำบุญทางศาสนากว่า 9,911 ล้านบาท ท่องเที่ยว 4,227 ล้านบาท จัดเลี้ยงสังสรรค์ 759 ล้านบาท และใช้จ่ายทั่วไป 388 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพ.ค.ที่มีการเปิดเทอม และมีวันหยุดยาวในช่วงวันวิสาขบูชา จะมีเงินจากการใช้จ่ายจำนวนมาก ประกอบกับ ช่วงการเลือกตั้งจะเริ่มมีเม็ดเงินจากการระดมหาเสียงเข้าระบบมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ขยายตัวได้ในระดับ 3.4-3.5%