บีโอไอเผยยอดขอรับส่งเสริมลงทุนช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 53%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 12, 2011 10:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.54)ของปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนทั้งในแง่ของจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 53% ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 31% โดยมั่นใจโครงการลงทุนขนาดกลางและขนาดใหญ่ยังขยายลงทุนต่อไป ขณะที่ทิศทางการลงทุนจากญี่ปุ่นและต่างชาติยังโตต่อเนื่อง

"การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีทั้งสิ้น 582 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 170,100 ล้านบาท จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 381 โครงการ ในขณะที่มีมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 129,500 ล้านบาท" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ ระบุในเอกสารเผยแพร่

กลุ่มกิจการที่ได้รับความสนใจลงทุนสูงสุด ได้แก่ กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีจำนวน 148 โครงการ เงินลงทุนรวม 50,300 ล้านบาท รองมาคือ กิจการบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 131 โครงการ มุลค่าเงินลงทุน 37,700 ล้านบาท กิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก จำนวน 73 โครงการ เงินลงทุน 32,900 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้มีการลงทุนในกิจการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 200-1,000 ล้านบาท มากถึง 169 โครงการจากทั้งหมด และมีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 148,800 ล้านบาทจากมูลค่าทั้งหมด

"การลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปีมีความหลากหลายและกระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้จำนวนเงินลงทุนที่เป็นกลุ่มขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่มีต่อประเทศไทย และยังมองเห็นศักยภาพการเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค เพื่อกระจายสินค้าส่งออกไปยังตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง" นางอรรชกา กล่าว

เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า แม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น แต่ความสนใจของกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาในประเทศไทยยังมีทิศทางขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมามีโครงการจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เดินหน้าขยายการลงทุนในไทย เช่น บริษัท เอจีซี ออโตโมทีฟ(ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตกระจกนิรภัยสำหรับรถยนต์ มีเงินลงทุน 759 ล้านบาท, บริษัท สยาม ฟูโกกุ จำกัด ขยายกิจการยางปัดน้ำฝน มีเงินลงทุน 854 ล้านบาท เป็นต้น

ขณะที่มีโครงการขนาดใหญ่ของนักลงทุนประเทศอื่นๆ ได้แก่ บมจ.แคล-คอมพ์ อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย)(CCET)จากกลุ่มทุนไต้หวัน-สิงคโปร์ ขยายกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เงินลงทุน 1,962 ล้านบาท, บริษัท อิเนอร์ยี ออโตโมทิฟ ซิสเต็มส์(ประเทศไทย) จำกัด จากกลุ่มทุนประเทศฝรั่งเศส ขยายกิจการผลิตถังน้ำมันพลาสติกสำหรับยานพาหนะ เงินลงทุน 441 ล้านบาท เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ