นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์ความผันผวนในปีนี้ยังมีไม่น้อยกว่าปีก่อน เพราะมีความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจ การเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสที่ภัยธรรมชาติจะมีความผันผวนรุนแรง และเป็นปัจจัยที่ยากจะประเมิน ดังนั้นมองว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายปีนี้จะมีความผันผวนมากว่าปีก่อนและทำให้ราคาสินค้ามีความผันผวนมากขึ้นดังนั้นผู้ลงทุนต้องตระหนักในการกระจายความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยง
การปรับดอกเบี้ยก็มีผลต่อการออม การกู้เงิน การใช้จ่าย และอาจมีผลต่อราคาสินค้า แต่เป้าหมายของการดูแลเงินเฟ้อ เนื่องจากมีการประเมินสถานการณ์ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้านที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว ทั้งการผลิตที่ตึงตัว การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในระยะถัดไปต้องปรับดอกเบี้ยให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในสถานการณ์ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบถือว่าไม่เหมาะสม และต้องการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลเสถียรภาพของประเทศ
"การรักษาวินัยการเงินและการดูแลเงินเฟ้อต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย และธปท.ให้ความสำคัญกับการดูแลนโยบายการเงิน" ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
สำหรับการที่กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการรีไฟแนนซ์ลูกหนี้บัตรเครดิต โดยโอนหนี้ให้กับธนาคารรัฐนั้น ผู้ว่าธปท. กล่าวว่า กลไกดังกล่าวอยากให้คำนึงถึง 3 เรื่องหลัก คือ การทำงานที่เอื้อกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งในที่สุดแล้วกลไกตลาดจะช่วยในการพัฒนาเอง
ขณะเดียวกัน ต้องทำให้ตลาดคำนึงถึงวินัยการเงินด้วย การที่กลไกของรัฐในการออกมาตรการจะต้องระมัดระวังไม่ให้ทำลายวินัยการเงิน และวินัยการคลัง ซึ่งการใช้กลไกรัฐเข้ามามีบทบาทดังกล่าวจะมีภาระเรื่องงบประมาณ หากทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นและเป็นภาระผูกพันต่อฐานะการคลังของประเทศ
“เรื่องนี้อยู่ในช่วงบรรยากาศการเลือกตั้ง ไม่อยากให้ความเห็นเป็นการเฉพาะและยังไม่ทราบรายละเอียด"ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่ามาตรการดังกล่าวมีกลไกแยกแยะลูกค้าระหว่างลูกค้าดีกับลูกค้าที่มีปัญหาก็เป็นเรื่องที่ดีและการลดดอกเบี้ยเหลือเฉลี่ย 10% ถือเป็นโจทย์ทางธรกิจ
นางกรรณิการ์ ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องการแข่งขันในเรื่องการปล่อยสินเชื่อโดยพาะหลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการดอกเบี้ย 0% ในสินเชื่อบ้านหรือการรับโอนหนี้บัตรเครดิตให้แบงก์รัฐ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์ และมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
"ธนาคารไม่ได้มองว่าแบงก์รัฐเป็นคุ่แข่งทางธุรกิจมากขึ้น แต่ทั้งนี้เห็นว่าการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ควรจะต้องไม่ Double standard" นางกรรณิการ์ กล่าว
นางกรรณิการ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการปล่อยสินเชื่อของธนาคารมีการเติบโตในทุกกลุ่มทั้งรายย่อย เอสเอ็มอี คอร์ปอเรท มีการกระจุกตัวน้อยลง และกระจายความเสี่ยงน้อยลง
ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับ บมจ. ช.การช่าง (CK) ในการสร้างเขื่อนไซยะบุรีไม่ได้มีปัญหาในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่ง CK ถือว่ามีความมั่นคงมากและยังมีการประกาศเพิ่มทุนไปแล้ว