ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน เม.ย.54 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 70.5 ลดลงจาก 71.0 ในเดือน มี.ค.54
ดัชนีความเชื่อมั่นปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ สึนามิในญี่ปุ่น สถานการณ์ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น การเมืองยังมีความไม่แน่นอนแต่ผู้บริโภคเริ่มจะกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้นอีกครั้งในภาวะเศรษฐกิจ โอกาสหางานทำและรายได้ในอนาคต ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 71.1 และที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 97.2
สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้มีการนำไปพิจารณาในประมาณการเศรษฐกิจของปี 54 แล้ว โดยคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจทั้งปีขยายตังได้ตามคาดคือ 4.4% และเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 4%
"เราคาดว่าช่วงเลือกตั้ง จะมีเงินสะพัดประมาณ 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทำให้จีดีพีขยายตัวตามคาด 4.4% เงินเฟ้ออยู่ที่ 4%"นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.หอการค้าไทย กล่าว
นางเสาวณีย์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามดูต่อไป และอาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงคือ หนี้สาธารณะ และการขาดดุลงบประมาณ เนื่องจากทุกพรรคการเมืองได้ประกาศนโยบายออกมา แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องเงินที่จะนำมาใช้เพื่อดำเนินนโยบาย ต่างๆ ว่าจะนำเงินมาจากส่วนไหน
"นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่าแรงก็อาจจะส่งผลให้ภาคเอกชนต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น ท่ามกลางต้นทุนภาคการผลิตก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว"นางเสาวณีย์ กล่าว