นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะพยายามนำทุนสำรองไปลงทุนในทองคำและทางเลือกอื่นๆมากขึ้น หลังจากพันธบัตรสหรัฐมีปัญหา เนื่องจาก ธปท.มีการนำทุนสำรองไปซื้อพันธบัตรสหรัฐค่อนข้างมาก
"ยอมรับว่า ธปท.ใช้เงินสำรองระหว่างประเทศลงทุนในสกุลดอลลาร์จำนวนมากที่สุด แม้ไม่ถึง 50%ของเงินสำรองฯทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในพันธบัตรสกุลดอลลาร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อย มีสภาพคล่องสูง แม้จะมีผลตอบแทนต่ำ" ผู้ว่าธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าฝ่ายบริหารของสหรัฐฯจะดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีอาจต้องมีการใช้นโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย และอาจต้องมีการขยายเพดานการก่อหนี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะต้องแสดงให้เห็นถึงการจัดการหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับไม่น่าเป็นห่วง
นายประสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยมีการกระจายการลงทุนมากขึ้น โดยลดการถือครองดอลลาร์ลง และลงทุนทางเลือกอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ทองคำ ซึ่งปัจจุบันมีทองคำอยู่ระดับ 3% ของเงินสำรองฯ ซึ่งที่ผ่านมามีการซื้อเพิ่มทองคำอีก 10 ตัน เพื่อรักษาสัดส่วนการถือครองทองคำที่ 3%
ทั้งนี้ เงินสำรองระหว่างประเทศจะถือครองเป็น 4 สกุลหลัก คือ ดอลลาร์ ยูโร เยน ปอนด์ แต่ขณะนี้เริ่มมีการกระจายในสกุลอื่นมากขึ้น เช่น ออสเตรเลียดอลลาร์ และการที่จีนพยายามเปิดตลาดมากขึ้น ทำให้มีการเพิ่มการถือครองในสกุลหยวน และรูปีของอินเดีย เนื่องจากน้ำหนักของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไปจากเดิมจะมาจากสหรัฐ แต่ขณะนี้เอเซียกลับมีบทบาทมากขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ธปท.ยังได้คิดไปถึงการนำเงินสำรองฯไปลงทุนในทางเลือกอื่น ซึ่ง กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign wealth fund) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความเป็นไปได้
"reserve ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นโจทย์ที่เราต้องดู เพราะเรามีต้นทุน เพราะเราซื้อเพิ่มเพื่อไม่ให้เงินล้น ก็ต้องออกบอนด์ แต่ดอกเบี้ยก็แพงกว่าสหรัฐ ก็มีขาดทุนบ้าง แต่เราก็ต้องทำเพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งเราอาจไม่เห็นเงินไหลออกเป็นดอลลาร์ แต่เราก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้กระทบเสถียรภาพ และเราก็คิดว่าจะหาแนวทางให้เกิดความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นก็เป็นโจทย์ที่กรรมการกำลังคิดอยู่" นายประสาร กล่าว