เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า ระบบการเงินของสหรัฐอาจตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพอีกครั้ง หากรัฐสภาสหรัฐไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล
"การใช้เพดานหนี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองจะทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง" เบอร์นันเก้กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้เตือนว่า "การไม่เพิ่มเพดานหนี้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอย่างมาก ผลที่ตามมาก็คือจะทำให้ระบบการเงินของเราตกอยู่ในภาวะไร้เสภียรภาพอีกครั้ง และแน่นอนว่าจะต้องส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ"
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์นั้น จะพุ่งชนเพดานสูงสุดในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรัฐบาลยังคงจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนในการแก้ปัญหายอดขาดดุลการคลังมูลค่ามหาศาล
ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มเพดานหนี้ เว้นแต่ว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจะยอมตกลงเรื่องลดการใช้จ่ายในระยะยาว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยยอดขาดดุลของรัฐบาลกลางสหรัฐอยู่ระดับ 1.41 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2552 และอยู่ที่ระดับ 1.29 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2553 นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2554 จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล