นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยในปัจจุบันถือว่าเลวร้ายมากขึ้น มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้มีอำนาจ เพื่อให้ได้งานหรือสิทธิประโยชน์มากถึง 50% ของมูลค่างาน เพิ่มจากในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาที่มีการจ่ายเงินโต้โต๊ะเพียง 2-3% ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการปล้นชาติ เพราะงบประมาณทุกบาทที่ควรนำมาพัฒนาประเทศได้ถูกโกงกินจากโครงการขนาดใหญ่
"ที่น่าวิตกคือคนไทยกลับมองว่าการโกงกินเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้ ซึ่งจุดนี้อันตรายมาก หากปล่อยไว้ อนาคตประเทศไทยคงล่มสลาย" นายดุสิต กล่าว
ทั้งนี้ ภาคเอกชนได้ร่วมมือกัน 21 องค์กรไทย เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าต่างประเทศ, สมาคมธนาคารไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมบริษัทจดทะเบียน, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ฯลฯ จัดตั้งเป็นภาคีเครือข่ายการป้องกันและต่อต้านคอร์รัปชั่น โดยในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ จะประกาศจุดยืนในการยุติการให้ เพราะการคอร์รัปชั่นมีทั้งผู้ให้และผู้รับ เมื่อผู้ให้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชน การยุติการให้จะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำคอร์รัปชั่นยากมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ภาคีเครือข่ายฯ จะจัดสัมมนา "ต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงขั้นตอนของการเลือกตั้ง ที่จะได้รัฐบาลใหม่ ถือเป็นการเตือนนักการเมืองที่จะมาเป็นผู้แทนประชาชนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเอกชนจะเป็นผู้หยุดให้เช่นกัน