รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ผู้บริหารธปท.เชิญตัวแทนจากธนาคารพาณิชย์ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ หารือเพื่อสอบถามถึงปัญหาและอุปสรรค กรณีที่ไทยจะนำเงินสกุลหยวนของประเทศจีน มาเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ใช้ในการชำระค่าสินค้าระหว่างกัน เพื่อลดสัดส่วนการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งปัจจุบันมีการใช้สูงถึง80%ของมูลค่าการค้าทั้งหมด
นายธิติ ตันติกุลนันท์ ผู้บริหารสายธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า แนวทางการนำเงินสกุลหยวนมาเป็นหนึ่งในสกุลเงินเพื่อใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันนั้น คงไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะยังมีอุปสรรคเรื่องกฎหมายของทางการจีนที่ยังไม่มีความชัดเจนหลายด้าน รวมถึงผู้ประกอบการหรือผู้นำเข้า-ส่งออกระหว่างไทย-จีน มีปริมาณค้าขายเป็นสกุลเงินหยวนไม่มากนัก และจากการสอบถามความเห็นในเบื้องต้นของกลุ่มลูกค้าที่ติดต่อธุรกิจกับนักธุรกิจจีน พบว่ายังให้ความสนใจค่อนข้างน้อย ดังนั้น เรื่องนี้จึงยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาของ ธปท. เชื่อว่าคงต้องใช้เวลาและทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“คงต้องใช้เวลากว่าจะเป็นที่นิยม เพราะเท่าที่ดูยังมีอุปสรรคใน 2 ด้าน คือ กฎเกณฑ์ของจีนยังไม่ชัด ยังมีความซับซ้อนอยู่ ขณะเดียวกันก็ต้องถามว่าผลประโยชน์ที่จะได้คืออะไร หากจะย้ายจากดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเงินหยวน เพราะสกุลเงินดอลลาร์เองถือว่ามีสภาพคล่องที่สูงมาก"นายธิติ กล่าว
ทั้งนี้ การค้าขายของนักธุรกิจไทยส่วนใหญ่ยังคงใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลัก ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนคิดเป็น 80% ของมูลค่าการค้าขายรวม ขณะที่การค้าขายระหว่างไทยกับจีน ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 18% ของมูลค่าการค้าขายทั่วโลก และในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน และแม้ไทยจะนำเงินสกุลหยวนมาใช้ แต่คงไม่ทำให้การใช้เงินหยวนเพิ่มขึ้นในทันที
ส่วนกรณีที่ ธปท. มีแนวคิดเสนอตัวเป็นตัวแทนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวนนั้น ถ้าพิจาณาทางด้านการแข่งขันแล้ว อาจแข่งขันกับทางฮ่องกงซึ่งเป็นแห่งเดียวที่เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนเงินหยวนได้ค่อนข้างยาก