ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าสกุลเงินอื่นๆ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.42% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4305 ยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.4245 ยูโร และดิ่งลง 0.41% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6232 ปอนด์ จากระดับ 1.6166 ปอนด์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังร่วงลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.580 เยน จากระดับของวันพุธที่ 81.750 เยน และอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.8806 ฟรังค์ จากระดับ 0.8817 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.39% แตะที่ 1.0666 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0625 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.15% แตะที่ 0.7899 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7887 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำสุด 0-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัว และคาดว่าคณะกรรมการเฟดจะเดินหน้ามาตรการ QE2 ไปจนถึงเดือนมิ.ย.โดยไม่มีการยุติโครงการก่อนกำหนด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้อัตราผลตอบแทนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตเดือนเม.ย.ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่เฟดรายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.หดตัวลง 0.4% ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน อันเนื่องมาจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐหดตัวลง 0.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2553 และยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐร่วงลง 0.8% มาอยู่ที่ระดับ 5.05 ล้านยูนิตต่อปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.20 ล้านยูนิตต่อปี
ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษทะยานขึ้นขานรับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ขยายตัวขึ้น 1.1% จากเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นสถิติการขยายตัวสูงที่สุดสำหรับเดือนเม.ย.นับตั้งแต่ปี 2545 เพราะได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่อบอุ่น และวันหยุดพิเศษเนื่องในพระราชพิธีเสกสมรสของ ดยุคแห่งเคมบริดจ์ (เจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษ) และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ (เคท มิดเดิลตัน)
ส่วนค่าเงินเยนร่วงลงหลังจากทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในเดือนมี.ค.ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของญี่ปุ่นหดตัวลง 3.7% ต่อปี ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันสองไตรมาส และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวเพียง 2.3%