บีโอไอเผยงานซับคอนฯ มีการจับคู่ธุรกิจเกือบพันคู่ มูลค่ากว่า 2 พันลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 20, 2011 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยมูลค่าการจับคู่ธุรกิจภายในงานซับคอนไทยแลนด์ 2011 วันแรกพุ่งเกือบ 1,000 คู่ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนต่างชาติ ทั้งญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส สิงคโปร์ เกาหลี เวียดนาม เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง โดยมั่นใจทิศทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนไทยสดใส คาดปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มขยายกำลังการผลิต

"กิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมระหว่างผู้ประกอบการรับช่วงการผลิตกับบริษัทผู้ซื้อในลักษณะประชุมเจรจาธุรกิจแบบรายบริษัท(One-on-One Meeting) มีผู้ประกอบการสามารถเจรจาธุรกิจร่วมกันแล้วกว่า 990 คู่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท" นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม(BUILD) บีโอไอ กล่าวถึงการจัดงานซับคอนไทยแลนด์ 2011 ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค.นี้ ณ ไบเทค บางนา

ผู้อำนวยการหน่วย BUILD กล่าวว่า ผลของการเจรจาจับคู่ธุรกิจในวันแรกทำให้มั่นใจได้ว่า ตลอดการจัดงานปีนี้จะมียอดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 3,000 คู่ และมีมูลค่าการเจรจาซื้อขายสินค้าประมาณ 5,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ประเทศ ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี และเวียดนาม โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสำนักงานบีโอไอโตเกียว และโอซาก้า ได้ร่วมกันนำคณะนักธุรกิจที่สนใจกว่า 100 บริษัท รวมกว่า 130 ราย เดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ สามารถมีการเจรจาจับคู่กับผู้ประกอบการได้แล้วถึง 250 คู่ มูลค่าการซื้อขายร่วมกันภายในงานกว่า 300 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการต่อยอดการเจรจาไปสู่การทำธุรกิจร่วมกันในอนาคตอีกจำนวนมาก

"บรรยากาศการจัดงานปีนี้ยอมรับว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งจำนวนผู้ร่วมเข้าชมงาน และการตอบรับกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าแนวโน้มของงานในวันแรก โดยเฉพาะกิจกรรมจับคู่ธุรกิจนี้จะทำให้มูลค่าที่ได้จากการเจรจาธุรกิจในปีนี้จะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังจะช่วยทำให้เกิดการต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้ในอนาคตได้อีกจำนวนมากแน่นอน" นายชนินทร์ กล่าว

ผู้อำนวยการหน่วย BUILD กล่าวว่า ผลตอบรับที่ดีจากการเจรจาจับคู่ธุรกิจร่วมกันในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนของไทย ซึ่งคาดว่าในปี 2554 จะมีอัตราการเติบโตเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะเริ่มมีผู้ประกอบการบางส่วนที่ต้องเร่งลงทุนขยายกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ และชดเชยการนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศญี่ปุ่นหลังจากที่ต้องประสบปัญหาสึนามิ และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หน่วย BUILD จะเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนไทย พัฒนาศักยภาพการผลิต และคุณภาพของสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ รองรับการเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยจะเร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการผลิต และนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตเพื่อลดต้นทุนผลิตมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ