นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะทำงานประมูลโครงการเปลี่ยนรถแท็กซี่แอลพีจีเป็นเอ็นจีวี เตรียมเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นประธาน เพื่อชี้ขาดว่า โครงการจะเดินหน้าอย่างไร ระหว่างการเปิดประมูลใหม่ ด้วยระบบอีอ็อคชั่น โดยแบ่งออกเป็น 2 สัญญาเช่นเดิม คือ สัญญาจัดซื้อถังและอุปกรณ์ส่วนควบ และสัญญาติดตั้งถังเอ็นจีวี และแบ่งการประมูลออกเป็น 3 ช่วง คือช่วงแรก 15,000 คัน 10,000 คัน และ 5,000 คันตามลำดับ
หรือจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เช่น ปรับสัญญาทั้ง 2 สัญญาให้เป็นสัญญาเดียว และเปิดประมูลครั้งเดียวทั้งหมด เพราะที่ผ่านมา จากการเปิดประมูลสัญญาแรก ปรากฎว่า มีรถแท็กซี่สมัครเพียง 5,900 คันเท่านั้น และมีอู่ติดตั้งเอ็นจีวีที่ผ่านมคุณสมบัติครบถ้วนและมีการวางเงินประกัน รายละ 100,000 บาท จำนวน 23 ราย
"หากไม่ใช่ช่วงการเลือกตั้ง การประมูลใหม่ก็คงจะเสร็จสิ้นภายใน 2-3 เดือน แต่เนื่องจากเป็นช่วงเลือกตั้ง จึงไม่แน่ใจว่า ทาง รมว.พลังงานจะตัดสินใจอย่างไร แต่โครงการนี้ เป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้งบประมาณทางราชการ เป็นการใช้งบจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาดำเนินการ และเป็นการจัดจ้างทางพัสดุภัณฑ์ จึงไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ ทางการเมืองคงจะต้องพิจารณาว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายใหม่หรือไม่ ดังนั้น ทางกระทรวงพลังงานจึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นเมื่อใด" นายคุรุจิต กล่าว
สำหรับโครงการดังกล่าวล่าช้ามาเป็นเวลากว่า 1 ปี และทางบริษัท ออโต้แพน ผู้ชนะสัญญาจัดซื้อถังและอุปกรณ์ส่วนควบ ในวงเงิน 250 ล้านบาท ได้ขอยกเลิกสัญญา
ทั้งนี้ ตามระเบียบราชการกระทรวงฯจะต้องเป็นผู้ยกเลิกสัญญากับออโต้แพน ซึ่งคาดว่าจะยกเลิกสัญญาได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ และจะมีการริบเงินประกัน 12.5 ล้านบาท และขึ้นบัญชีดำการประมูลงานของราชการ และฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องความเสียหายอื่นๆ ได้หรือไม่ โดยยอมรับว่า บริษัท ออโต้แพน เพิ่งมีการจัดตั้งเพื่อประมูลงานโครงการนี้โดยเฉพาะ ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และมีการนำเข้าอุปกรณ์จากเกาหลีใต้ ดังนั้น การประมูลใหม่คงจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิดพลาดจนต้องเลิกสัญญาขึ้นมาอีก