สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ" ซึ่งก่อนหน้านี้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ระดับขยะ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 6.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,515.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,503.70-1,519.00 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 18.30 เซนต์ ปิดที่ 34.904 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 3.9915 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,755.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 3.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 731.80 ดอลลาร์/ออนซ์
เอสแอนด์พีประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิมที่ระดับ "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าเอสแอนด์พีอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีหากรัฐบาลยังไม่สามารถลดยอดการกู้ยืมและใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเทรดเดอร์รายหนึ่งในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสามารถชดเชยแรงลบที่เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำด้วยเช่นกัน โดยเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง และมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนพ.ค. ขยายตัวที่ระดับ 51.1 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 51.8 จุด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า มาตรการควบคุมเงินเฟ้อของรัฐบาลจีนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ