นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการหารือกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อและผู้เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาเนื้อไก่ราคาแพงขณะนี้ ที่ประชุมมีมติให้กรมการค้าภายในออกประกาศราคาแนะนำเนื้อไก่ทั้งระบบตั้งแต่หน้าฟาร์มจนถึงราคาขายปลีก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(25 พ.ค.)เป็นต้นไป
โดยราคาแนะนำไก่สดมีชีวิตหน้าฟาร์มกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลาง กก.ละ 55 บาท, ภาคเหนือ กก.ละ 57 บาท, ภาคอีสาน กก.ละ 58 บาท และภาคใต้ กก.ละ 60 บาท
ส่วนราคาแนะนำไก่สดทั้งตัวแบบปั่นขน กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลางขายปลีก กก.ละ 70 บาท ขายส่ง 65 บาท, ภาคเหนือขายปลีกกก. ละ72 บาท ขายส่งกก.ละ 67 บาท, ภาคอีสานขายปลีกกก.ละ 73 บาท ขายส่งกก.ละ 68 บาท และภาคใต้ขายปลีกกก.ละ 75 บาท และขายส่งกก.ละ 70 บาท
ส่วนราคาไก่สดทั้งตัวแบบล้วงเครื่องใน กรุงเทพฯ และภาคกลาง ขายปลีกกก.ละ 75 บาท ขายส่ง 70 บาท, ภาคเหนือขายปลีกกก.ละ 77 บาท ขายส่ง 72 บาท, ภาคอีสานขายปลีกกก.ละ 78 บาท ขายส่ง 73 บาท และภาคใต้ขายปลีกกก.ละ 80 บาท ขายส่ง 75 บาท
ขณะที่เนื้อไก่หรือไก่แยกส่วน รวมเนื้อสะโพก, อก และปีก ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลางขายปลีกกก.ละ 85-92 บาท ขายส่ง 80-86 บาท, ภาคเหนือขายปลีกกก.ละ 87-94 บาท ขายส่ง 82-88 บาท, ภาคอีสานขายปลีก กก.ละ 88-95 บาท ขายส่ง 83-89 บาท และภาคใต้ขายปลีกกก.ละ 90-97 บาท และขายส่ง 85-91 บาท
เนื่องจากปัจจุบันราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยไก่มีชีวิต กก.ละ 55 บาท, ไก่สดทั้งตัว 75-80 บาท และเนื้อไก่ 85-100 บาท ซึ่งเฉลี่ยแล้วแพงขึ้นถึง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เพียงกก.ละ 47 บาท เป็นผลจากปัญหาอากาศแปรปรวนทำให้ไก่อ่อนแอ ตายง่ายและเจริญเติบโตช้าจนทำให้ผลผลิตลดลงไป 20% ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นมาเป็นกก.ละ 50-51 บาท
อธิบดีกรมการค้าภายใน คาดว่าภายใน 2 เดือน หรือราวเดือนก.ค.นี้ สถานการณ์ราคาไก่จะคลี่คลายลง และกรมฯ จะทบทวนราคาแนะนำใหม่ เพราะจะมีไก่รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และอากาศเย็นขึ้นจากการย่างเข้าสู่ฤดูฝน