ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเดือนพ.ค.อยู่ในระดับที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรยังคงถูกกดดันจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซอาจจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศอื่นๆในยุโรปที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้นั้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.41% แตะที่ 1.4107 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4050 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.42% แตะที่ 1.6189 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6122 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินเยนทรงตัวอยู่ที่ 81.940 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินฟรังค์สวิสร่วงลง 0.42% แตะระดับ 0.8792 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 0.8829 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.49% แตะที่ 1.0556 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0505 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.94% แตะที่ 0.7974 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7900 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนกลับเข้าซื้อสกุลเงินยูโรอีกครั้ง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อุปสงค์ภายในประเทศช่วยหนุนให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 1.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2553
ทั้งนี้ อุปสงค์ภายในประเทศมีส่วนช่วยหนุนจีดีพีเยอรมนีขยายตัวในสัดส่วน 1.0% และการส่งออกมีส่วนช่วยหนุนจีดีพีขยายตัวในสัดส่วน 0.5%
ขณะที่สถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ซึ่งได้จากผลสำรวจความเห็นของบริษัทประมาณ 7,000 แห่งในเยอรมนี ทรงตัวที่ระดับ 114.2 ในเดือนพ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซอาจจะทำให้กรีซต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศอื่นๆในยุโรปที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้นั้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้มีรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านของกรีซได้ออกมาต่อต้านความพยายามในการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดการขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่ากรีซอาจประสบความยากลำบากในการยื่นขอความช่วยเหลือครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.3% แตะที่ 323,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 300,000 ยูนิต
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง (เบื้องต้น) ประจำไตรมาสแรกปีนี้, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดการทำสัญญาซื้อบ้านเดือนเม.ย.