นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก โดยคาดว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 15% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 12-15% เนื่องจากการส่งออกในสินค้ากลุ่มอาหารขยายตัวดีขึ้น เพราะมูลค่าสินค้าอาหารหลายชนิดมีราคาสูงเป็นเท่าตัว หลังหลายประเทศประสบภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผลผลิตในประเทศเสียหาย จึงนำเข้าอาหารมากขึ้น
โดยคาดว่า การส่งออกสินค้าอาหารไทยปีนี้จะขยายตัวถึง 11% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าขยายตัว 8% จากปี 53 ที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารไทยประมาณ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากการหารือกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)ทั่วโลก ได้ให้นโยบายในการปรับกิจกรรมเพื่อรุกตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน, อินเดีย, ละตินอเมริกา และรัสเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก หากสามารถผลักดันให้การส่งออกเพิ่มได้จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
สำหรับผลกระทบจากตลาดญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาแผ่นดินไหวและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น แม้ว่าจะทำให้การส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นขยายตัวได้ดีขึ้น แต่ต้องดูผลกระทบจากการส่งออกสินค้าบางอย่างที่หดตัวด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ด้านนางอัมพวัน พิชาลัย อัครราชทูต(ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นจะขยายตัวจากปีก่อน 10% แม้การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน คาดว่าในช่วง 3-6 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผักและผลไม้สด ผักและผลไม้แปรรูปและกระป๋อง เพราะผลผลิตของญี่ปุ่นเสียหายจำนวนมาก รวมถึงอาหารกระป๋อง, อาหารกึ่งสำเร็จรูป, น้ำดื่ม, สินค้าสุขภาพ, วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น