กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ประจำไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวเพียง 1.8% ต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 2.1% และน้อยกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ถึง 3.1% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลลดการใช้จ่าย
การเปิดเผยจีดีพีไตรมาสแรกเมื่อวานนี้เป็นการประมาณการครั้งที่ 2 ส่วนในการประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย.นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า จีดีพีขยายตัว 1.8% ต่อปีเช่นกัน โดยทางการสหรัฐจะประมาณตัวเลขจีดีพีไตรมาสละ 3 ครั้ง
ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ เพิ่มขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเลขในไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐ ลดลง 7.9% และตัวเลขการใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่นลดลง 3.2%
ยอดส่งออกสินค้าและการบริการของสหรัฐในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัวที่ระดับ 9.2% สูงกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วที่ขยายตัวเพียง 8.6% ขณะที่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวลง 3.3% และการลงทุนนอกภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 3.1-3.3% ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวได้สูงถึง 3.9% พร้อมกับคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 8.4-8.7%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐลงสู่ระดับ 2.8% ในปีนี้ ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้